ห้องที่ ๓๑ : นายทัดกุเรเตอร์


          วายุบุตรวุฒิเชื้อชายชาญ
องคตชมภูพานฤทธิเร้า
เตือนต้อนหมู่ทวยหาญรัดเร่ง จรัลเฮย
ห้าโยชนจวบบ่ายเข้าเฃตรแคว้นชะฎิลดง
          สามนายอยุดทัพแล้วบทจร
ถึงนักพรตยอกรนอบเกล้า
องค์ชะฎิลสบพานรแปลกจิตร ถามแฮ
ดูกรสามสวาเจ้าอยู่ด้าวแดนไหน
          ลูกลมแถลงชื่อทั้งสามทหาร
ข้าบาทพระอวตารแก่นหล้า
ตรัสใช้สืบข่าวสาส์นอัคเรศร์ พระเอย
หนเกาะลงกาข้าสุดรู้ทางจร
          องค์ชะฎิลยิลจบแจ้งปรีดา
สนองพจนบอกมรรคาบัดชี้
สุดโพ้นโน่นคูหาเหมติ รันเฮย
ปืนท่าคงคานี้ที่ข้ามเมืองมาร
          สามนายฟังเสรจน้อมเนานอน พักเฮย
พอรุ่งยกพลจรคลาศแคล้ว
ดัดดั้นพนาดอนหกสหัศ เส้นแฮ
บันลุเหมติรันแล้วลาศขึ้นเนินเขา
          พอลับสุริเยศคลุ้มโพยมหน มืดเฮย
ได้แต่แสงกุณฑลไต่เต้า
ลุถ้ำเยือกเยนสกนธ์กายสั่น รรัวแฮ
ปวงกระบี่ต่างรีบเร้าตัดไม้สุมเพลิง
          วายุบุตรกล่าวถ้อยแก่สองนาย
เรารับสั่งนารายน์ตรัสใช้
ปีกดังปักษาถวายแหวนพระ เทอญพ่อ
ตายดุจสดายุได้ชื่อแท้กระตัญญู
          สำภาทีสถิตยถ้ำพรรณราย
โสตรสดับเสียงภิปรายไจ่แจ้ว
ว่าสดายุชีพมลายหลากจิตร คนึงเอย
จริงเท็จจำจักแคล้วสอบถ้อยลองถาม
          พลันรีบย่างเท้าเหยียบศีลา
เสียงสนั่นลั่นคูหากึกก้อง
พลลิงตกใจผวาหวาดวิ่ง หนีนา
ขุนกระบี่สามนายจ้องสาตรเงื้อยืนทยาน
          ปักษาถึงปากถ้ำแลไป
ฤๅห่อนจะเหนใครคลาศคล้อย
ผินภักตรสู่เนินไศลบงกระบี่ สามแฮ
โสรมนัศพลันกล่าวถ้อยทักแล้วถามความ
          ตูราสามท่านผู้ไชยชาญ
ซึ่งว่าสดายุลาญชีพแล้ว
คือใครล่วงล้างผลาญฤๅวอด เองนา
เชิญท่านเปลื้องสอดแคล้วแห่งข้าหายฉงน
          วายุบุตรเล่าแต่ต้นจนรา มาเฮย
เผาศพขุนปักษาเสรจถ้อย
บัดนี้พระทรงนาคาตรัส ใช้แฮ
สืบข่าวอัคยอดสร้อยภพพื้นลงกา
          ฟังจบซบภักตรเศร้าหฤไทย ครวญเอย
ควรที่ฤๅดวงใจพี่ม้วย
เจ้าเรืองฤทธิเกรียงไกรไตรโลกย์ ขจรแฮ
มาสุดสิ้นชีพด้วยเดชอ้ายทมิฬมาร
          วายุบุตรกล่าวถ้อยปลอบปักษา พลันเฮย
ท่านอย่าก่นโศการ่ำร้อง
ความเกิดและมรณาใครห่อน พ้นแฮ
เมรุมาศเจียวยังต้องพินาศน์ด้วยเพลิงประไลย
          เราสงไสยใคร่แจ้งเหตุผล ท่านนา
มีชื่อใดดูฉงนหลากแท้
อินทรียบ่มีขนหลุดลุ่น ไฉนฤๅ
วานท่านขานไขแก้ที่ข้าไถ่ถาม
          ปักษาส่างโศกแล้วตอบคดี พลันเฮย
เราชื่อสำภาทีแพร่พร้อง
อยู่ยังยอดคิรีนามอัศ กรรณแฮ
สดายุผู้เป็นน้องก่อนนั้นยังเยาว์
          ยลรวิว่าลูกไม้หมายกิน
วอนเร่งให้เราบินเด็จป้อน
ตูห้ามกลับโกรธผินโผนสู่ รถเอย
พระพิโรธทรงแสงร้อนจรัสแม้นเพลิงกัลป์
          เราทยานกางปีกป้องกนิฐา ไว้เอย
ขนหลุดโดยแสงอาทิตยไหม้
เธอจึ่งพิโรธสาหัศสาป เราเฮย
ต่อพบทหารกฤษณไท้โห่พร้อมสามหน
          ขนเราจึ่งจะขึ้นทั่วอินทรีย์
ขอท่านจงปรานีอย่าข้อง
วายุบุตรเรียกโยธีพลันสั่ง โห่แฮ
มวญหมู่ลิงโห่ก้องลั่นท้องไพรสาณฑ์
          ปักษินยินโห่ถ้วนสามหน
ขนงอกออกเตมตนสลับแพร้ว
โผนเผ่นสู่โพยมบนลองปีก ทยานแฮ
ไกลลับกลับร่อนแคล้วสู่ถ้ำอำพน
          วายุบุตรจึ่งเอื้อนพจน์พาที
ดูก่อนขุนสกุณีเดชห้าว
สิ้นสาปพระสุริย์ศรีขนงอก งามนอ
เชิญช่วยแนะแดนด้าวเฃตรแคว้นเมืองมาร
          ปักษาว่าเกาะนั้นเหลือไกล
อยู่ท่ามกลางชลาไลยแหล่งหล้า
แม้นหักว่าจักไคลคลายาก นักนอ
เชิญท่านขี่หลังข้าจักชีทางจร
          สามนายต่างสดับถ้อยสุดยิน ดีเอย
ขึ้นสู่หลังสกุณินเสรจแล้ว
นกพากระบินทรผินผันรีบ ทยานฮา
ปีกกระพือพาแคล้วเคลื่อนคล้อยลอยโพยม
          ลุคันศีขเรศแล้วปักษา บอกเอย
โน่นเกาะลงกาปรากฎกว้าง
เขานั้นชื่อนิลกาลาเยี่ยม โพยมแฮ
เปนหลักลงกาอ้างแต่ครั้งอัชฎา
          สามนายพิศเพ่งด้าวแดนมาร
สังเกตลงกาสฐานแม่นแล้ว
เหนแจ้งทุกประการบอกปัก ษาเฮย
เชิญท่านกลับคลาศแคล้วแห่งห้องคูหา
          สำภาทีสดับแล้วเรวผัน กลับเอย
บันลุเหมติรันร่อนคล้อย
โผลงน่าเขาพลันกระบินทรจาก หลังแฮ
วายุบุตรจึ่งกล่าวถ้อยกับด้วยสองทหาร
          เราสามพอเหาะข้ามคงคา
แต่พวกพลลีลาห่อนได้
เราเดียวจักลอบคลาแหนบาท นางเฮย
สองท่านคุมไพร่ไวที่นี้คอยเรา
          สั่งเสรจฝากพวกพ้องพลขันธ์
แก่ปักษินเสรจพลันรเหจเต้า
บายภักตรมุ่งผายผันหมายเฃตร มารเฮย
ลิบลิ่วจวนจวบเข้าด่านท้องชลธี

จบห้องที่ ๓๑

  เนื้อความกล่าวถึงหนุมาน องคต และชมพูพาน พาพลวานรข้ามสมุทรไปพบพระฤษีชฎิล ถามทางไปกรุงลงกา พระฤษีบอกทางไปยังเขาเหมติรันริมฝั่งสมุทรซึ่งเป็นท่าข้ามไปกรุงลงกา ขุนวานรทั้งสามพาพลวานรเดินทางไปถึงเขาเหมติรันเป็นเวลาพลบค่ำ เดินตามแสงกุณฑลขึ้นเขาไปจนถึงปากถ้ำจึงหยุดพักพล ระหว่างนั้น หนุมานกล่าวแก่องคตและชมพูพานว่าการที่พระนารายณ์ตรัสใช้ให้ไปถวายแหวน หากอาสาจนตัวตายเช่นเดียวกับพญานกสดายุก็จะได้ชื่อว่ามีความกตัญญู ขณะนั้นพญานกสัมพาทีอยู่ในถ้ำได้ยินว่าพญานกสดายุสิ้นชีพแล้วก็ออกมาถาม หนุมานเล่าเรื่องให้ฟังโดยตลอดแล้วถามพญานกถึงเหตุที่ไม่มีขน พญานกสัมพาทีเล่าให้ฟังว่า พญานกสดายุผู้เป็นน้องเมื่อยังเล็กเห็นดวงอาทิตย์สำคัญว่าเป็นผลไม้ขอให้ตนบินขึ้นไปเด็ดมาให้กิน เมื่อตนไม่ทำตาม พญานกสดายุก็บินขึ้นไปยังดวงอาทิตย์ ตนจึงบินขึ้นไปกางปีกปกป้องไว้จนถูกแสงอาทิตย์เผาขนไหม้หมด และพระอาทิตย์ก็สาปซ้ำไม่ให้ขนงอกขึ้นอีกจนกว่าจะได้พบทหารพระนารายณ์อวตาร และโห่พร้อมกัน ๓ ครั้งขนจะงอกขึ้นดั่งเดิม พญานกสัมพาทีขอให้หนุมานช่วยให้พ้นคำสาป หนุมานจึงสั่งให้พลวานรโห่พร้อมกัน ๓ ครั้งขนก็งอกขึ้นเต็มทั่วกายพญานกสัมพาที จากนั้นหนุมานถามทางไปกรุงลงกา พญานกสัมพาทีบอกว่าเกาะลงกาอยู่ไกลมากไปลำบาก จึงให้ขุนวานรทั้งสามขึ้นหลังพาไปชี้เกาะลังกาและเขานิลกาลาซึ่งเป็นภูเขาหลักของเกาะลังกา แล้วพาบินกลับมาที่เขาเหมติรัน หนุมานบอกว่าตน องคต และชมพูพาน มีฤทธิ์ที่จะเหาะไปกรุงลงกาได้ แต่จะพาพลวานรทั้งหมดไปด้วยไม่ได้ ตนจะเข้าไปกรุงลงกาเฝ้านางสีดาเพียงผู้เดียว ให้องคตและชมพูพานคุมไพร่พลคอยอยู่ที่เขาเหมติรัน แล้วเหาะไปยังกรุงลงกา

ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “จักชี้ทางจร”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “สองท่านคุมไพร่ไว้”
ที่ถูกต้องน่าจะเป็น “บ่ายภักตรมุ่งผายผัน”